สรรพคุณและประโยชน์ของมะม่วง

สรรพคุณและประโยชน์มะม่วง

มะม่วง ผลไม้โปรดของหลายๆ คนที่คนไทยรู้จักกันดี นอกจากเป็นผลไม้ที่มีหลายสายพันธุ์ หลากรสชาติ รับประทานได้ทั้งดิบ ทั้งสุก และแบบแปรรูป ซึ่งได้เคยแนะนำไว้ในบทความ มะม่วง แล้วนั้น คราวนี้เรามารู้จักสรรพคุณและประโยชน์ของมะม่วง ว่าให้อะไร ช่วยอะไรเราได้บ้างยังมีอีกหลายคนที่ไม่รับประทานมะม่วง เพราะคิดว่ามะม่วงมีแป้งเยอะ รับประทานแล้วอ้วนนั้น ตามข้อมูล สรรพคุณและประโยชน์ของมะม่วง มะม่วงเป็นผลไม้ที่ไม่มี ไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และโซเดียมต่ำ เหมาะกับการลดความอ้วน หรือการคุมน้ำหนัก แต่มะม่วงดิบมีน้ำตาลน้อยกว่ามะม่วงสุก ส่วนมะม่วงสุกนั้นรับประทานเป็นเครื่องดื่มผสม      โยเกิร์ต ช่วยสลายพุงได้ ดีต่อระบบขับถ่าย

นอกจากนี้ มะม่วงยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน บี 6  วิตามิน เอ วิตามิน ซี น้ำ น้ำตาล ธาตุเหล็ก, โปรตีน,โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, สังกะสี, เควอซิทิน, เบต้าแคโรทีน, กรดโฟลิก และแอสตรากาลิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง คุณค่าทางโภชนาการที่สูงของมะม่วงคงจะช่วยเปลี่ยนใจใครอีกหลายคนให้หันมารับประทานมะม่วง และให้มะม่วงช่วยดูแลสุขภาพร่างกายกันเพิ่มขึ้น นอกจากคุณประโยชน์ที่ได้รับจากเนื้อมะม่วงแล้ว ส่วนอื่นๆ ของมะม่วงก็นำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว เราลองมาศึกษารายละเอียดสรรพคุณและประโยชน์ของมะม่วง กันว่ามีอะไรบ้าง

สรรพคุณของมะม่วง

1. ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต—มะม่วงเป็นผลไม้ที่สามารถลดระดับความดันโลหิตได้ เพราะมะม่วงมีสารอาหารที่สำคัญต่อระบบการไหลเวียนของเลือด ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติได้ และมะม่วงยังมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศอีกด้วย

2. ป้องกันโรคมะเร็ง—สารประกอบหลายชนิดที่พบในมะม่วง มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระทำหน้าที่ต่อต้านมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ในมะม่วงยังมีเพคตินสูง มีผลต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้

3. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น—ในมะม่วงมีเอนไซม์ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการดูดซึมของร่างกาย และไฟเบอร์ในมะม่วงก็ช่วยย่อยอาหารและเผาผลาญพลังงานได้ดี

4. ป้องกันโรคหัวใจ—วิตามิน เอ และวิตามิน อี รวมทั้ง ซีลีเนียมในมะม่วง ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ไม่เพียงเท่านั้น ในมะม่วงยังมีวิตามิน บี6 ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจด้วยการลดระดับโฮโมซิสเตอีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโน ที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับผนังหลอดเลือดได้ อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ

5. ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในร่างกาย—แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยด้วยโรคไขมันในเลือดสูงควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

6. บำรุงสมอง—ด้วยวิตามิน บี6 ในมะม่วง ช่วยป้องกันและสร้างเสริมการทำงานของสมอง อารมณ์ดี มีชีวิตชีวา หลับสบาย ความจำดี มีสมาธิ และตื่นตัว

7. รักษาโรคเบาหวาน—วิธีการดูแลตัวเองที่ดีที่สุดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือการไม่รับประทานของหวาน ซึ่งมะม่วงเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง แต่กลับช่วยรักษาเบาหวานได้
เพียงแค่นำใบมะม่วง 10-15 ใบ แช่ลงในน้ำอุ่นและปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ข้ามคืน นำมาดื่มขณะที่ท้องว่างในตอนเช้า ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ คนที่ไม่เป็นเบาหวานก็สามารถรับประทานช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้หรือจะใช้วิธี นำใบมะม่วงประมาณ 15 ใบ ล้างให้สะอาดแล้วต้มในน้ำสะอาด 1 ถ้วย ใช้ไฟอ่อนนาน 1 ชั่วโมง ถ้าน้ำแห้งก็เติมเรื่อยๆ เมื่อเสร็จแล้ว ทิ้งค้างคืนไว้ 1 คืน พอตอนเช้ากรองเอาแต่น้ำ ดื่มติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน

8. บำรุงสายตา—ช่วยบำรุงและรักษาสายตา เพราะในมะม่วงมีวิตามินเอ และเบตาแคโรทีนสูง นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา เมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วย

9. บำรุงผิวพรรณ—วิตามิน เอ ในมะม่วงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ในเนื้อเยื่อและผิวหนัง ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนลดลง ช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียน

10. บำรุงผิวหน้า—ทรีตเมนต์บำรุงผิวหน้า ด้วยการฝานมะม่วงสุกเป็นชิ้นบางๆ แล้วใช้ช้อนบดขยี้เนื้อมะม่วงให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก จะทำให้ผิวหน้าดูสะอาดเกลี้ยงเกลา กระชับรูขุมขน ผิวเนียนเรียบไร้รอยเหี่ยวย่น

11. รักษาสิว—ฝานมะม่วงบางๆ วางบนใบหน้า ทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นล้างออก วิตามิน เอ ในมะม่วงช่วยลดการเกิดสิวได้เป็นปลิดทิ้ง

12. รักษาโรคโลหิตจางในหญิงที่ตั้งครรภ์—ช่วยเสริมธาตุเหล็กให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และมะม่วงเปรี้ยวๆ ยังช่วยรักษาอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะได้เป็นอย่างดี

13. สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย—มะม่วงช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับสารพิษและแบคทีเรียต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นด้วยสารเบตาแคโรทีน

14. ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน—ด้วยวิตามิน ซี ในผลมะม่วงดิบที่มีอยู่สูง

15. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน—ด้วยการรับประทานผลสด แก่

16. ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ—ด้วยการรับประทานผลสด แก่

17. ช่วยแก้อาการร้อนใน—ด้วยการรับประทานผลมะม่วง

18. ช่วยแก้โรคคอตีบ—ด้วยการต้มเปลือกของลำต้นมะม่วง รับประทาน

19. แก้ซางตานขโมยในเด็ก—ด้วยการใช้ใบมะม่วงพอประมาณ มาต้มรับประทาน

20. ช่วยรักษาอาการเยื่อปากอักเสบ จมูกอักเสบ—ด้วยการต้มเปลือกของลำต้นมะม่วงรับประทาน

21. ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน และอาการเมื่อยช่วงมีประจำเดือน—ด้วยการนำเปลือกมะม่วงดิบมาคั่ว รับประทานร่วมกับน้ำตาล

22. ช่วยแก้ไขตัวร้อน—ด้วยการนำเปลือกต้นมะม่วงมาต้มเอาน้ำดื่ม

23. แก้อาการท้องอืด—ด้วยการนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้เมล็ดของมะม่วงสุกนำมาตากแห้ง แล้วต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะบดให้เป็นผลก็ได้ แล้วนำมารับประทาน

24. ช่วยแก้อาการบิด ถ่ายเป็นเลือด—ด้วยการรับประทานผลมะม่วง

25. ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร—ด้วยการรับประทานผลมะม่วง

26. แก้อาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง—ด้วยการนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม

27. ช่วยขับพยาธิ—ด้วยการใช้เมล็ดของมะม่วงสุก มาตากแห้ง แล้วต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะบดให้เป็นผงแล้วนำมารับประทานก็ได้

28. ล้างบาดแผลภายนอก—ด้วยน้ำต้มกับใบมะม่วงสดประมาณ 15 กรัม

29. ใช้เป็นยาสมานแผลสด—ด้วยการใช้ใบมะม่วงสดล้างให้สะอาด แล้วนำมาตำและพอกบริเวณที่เป็นแผล

30. ช่วยในการขับถ่าย มีฤทธิ์เป็นยาระบาย—ด้วยการรับประทานมะม่วงสุก

31. ช่วยขับปัสสาวะ—ด้วยการรับประทานผลมะม่วง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เฟอร์นิเจอร์ไม้มะม่วง

ประโยชน์ของมะม่วง
1. เนื้อไม้ของต้นมะม่วง สามารถนำมาใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้

2. ใบแก่ของมะม่วงใช้เป็นสีย้อมผ้าให้เป็นสีเหลือง

3. ใช้ประกอบอาหารหรือใช้รับประทานเป็นของว่างได้หลากหลาย เช่น ทำน้ำพริก ยำมะม่วง ต้มยำ เมี่ยงส้ม หรือ การทำเป็นมะม่วงน้ำปลาหวาน คั้นเป็นน้ำผลไม้ก็ได้เช่นกัน

4. นำมาแปรรูปเป็น มะม่วงกวน มะม่วงแก้ว มะม่วงดอง มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงเค็ม น้ำแยมมะม่วง พายมะม่วง เป็นต้น

สรรพคุณและประโยชน์ของมะม่วง มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย แต่ก็มีข้อควรระวังในการรับประทานให้พอดี และเหมาะสมกับสุขภาพเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างเช่น โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานกับการรับประทานข้าวเหนียวมะม่วง เป็นสิ่งที่ควรระวัง หากรับประทานมากไปอาจทำให้น้ำตาลและไขมันเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ความดันสูง เมื่อได้รับทราบถึงคุณประโยชน์ของมะม่วงกันแล้ว เรามาทำความรู้จักกับมะม่วงกันให้มากขึ้น ว่ามีสายพันธุ์อะไรบ้าง ( ติดตามอ่านได้จากบทความ : มะม่วง ) เหมาะจะรับประทานแบบไหน หรือจะนำสายพันธุ์ใดไปปลูกให้ตรงกับการรองรับของตลาด และพื้นที่เพาะปลูก ( บทความ : การขยายพันธุ์มะม่วง, การปลูกมะม่วง) หรือมะม่วงพันธุ์ไหนมีรสชาติที่เหมาะจะไปทำการแปรรูปแบบใด ( บทความ : การแปรรูปมะม่วง )

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : คลิ๊กที่นี่

(แหล่งข้อมูล livestrong, orgaicfacts.net, ehealthzine.com, nutrition-and-you.com)

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *