การแปรรูปมะม่วง

การแปรรูปมะม่วง

การเสริมรายได้ หรือการมีรายได้อย่างต่อเนื่องด้วย การแปรรูปมะม่วง ไม่ได้มีเพียงเพื่อสนองความต้องการของตลาดในประเทศเท่านั้น ตลาดส่งออกต่างประเทศ ก็ประสบผลสำเร็จด้วยเช่นกัน เพราะความหลากหลายในวิธี การแปรรูปมะม่วง หากเกษตรกร หรือผู้ที่สนใจลงทุนด้าน การแปรรูปมะม่วง สามารถทดลอง หรือดัดแปลงจากสูตรเหล่านี้ได้ตามความชอบ เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกปาก ถูกใจ ผู้รับประทานการแปรรูปมะม่วง แบบแช่เยือกแข็ง ปัจจุบันมีผู้ผลิต “เนื้อมะม่วงสุกแช่เยือกแข็ง” ส่งออกกันมากขึ้น เนื่องจากช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เพราะเป็นการแช่เยือกแข็งเนื้อมะม่วงสุกเฉพาะส่วนที่บริโภคได้เท่านั้น และสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน สะดวกในการเก็บรักษาและขนส่ง มีกลิ่นและรสชาติเหมือนเนื้อมะม่วงสด และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น มีปริมาณวิตามินซีและสารแคโรทีนอยด์ (carotenoids) ที่มีความสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารเบต้า-แคโรทีน ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ในร่างกาย เนื้อมะม่วงสุกยังเป็นแหล่งของโพแทสเซียมและเส้นใยอาหารด้วย นอกจากนี้ การแปรรูปมะม่วง โดยการนำผลมะม่วงสุกมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อมะม่วงสุกแช่เยือกแข็ง ยังเป็นวิธีลดปัญหาเรื่องโรคและแมลงวันทอง จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลมะม่วงได้อีกทางหนึ่ง

สูตร การแปรรูปมะม่วง
มะม่วงดองเค็ม
ส่วนผสม
1. เกลือ 100 กรัม
2. น้ำสะอาด 900 มิลลิลิตร
3. มะม่วงแก้ว ผลแก่เนื้อแข็ง

วิธีทำ
1.นำมะม่วงแก้ว ผลแก่มาคัดผลคุณภาพ ล้างทำความสะอาดผล
2.เตรียมน้ำเกลือ อัตราส่วน น้ำ 900 มิลลิลิตร : เกลือ 100 กรัม ละลายเกลือในน้ำอุ่น ทิ้งไว้ให้เย็น
3.นำมะม่วงเรียงใส่ภาชนะ เติมน้ำเกลือให้ท่วม
4.นำถุงใส่น้ำหรือไม้ไผ่สานขัดด้านบน ป้องกันมะม่วงลอยบนผิวน้ำ
5.ปิดปากภาชนะดองให้สนิท เก็บในที่ร่ม อากาศถ่ายเท
** สามารถเก็บไว้นาน 1 ปี หากจะนำมาแช่อิ่มควรใช้มะม่วงดองเค็มอย่างน้อย 3 สัปดาห์

มะม่วงแช่อิ่ม
เคล็ดลับการทำ มะม่วงแช่อิ่ม
มีอยู่ 3ข้อใหญ่ๆคือ
1. หลังจากแช่น้ำปูนใส อย่าล้างน้ำจนมากเกินไป จะทำให้มะม่วงมีรสจืดลงได้
2. การแช่มะม่วงในน้ำเชื่อมควรนำใส่ตู้เย็น เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นและฟองขณะหมัก
3. การแช่น้ำปูนใส จะทำให้มะม่วงมีความกรอบมากยิ่งขึ้น

ส่วนผสม
1.มะม่วงดิบ 1 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 500 กรัม และ 200กรัม (แยกกัน)
3.น้ำปูนใส 2 ลิตร (วิธีทำน้ำปูนใส)
4.เกลือ (ใส่เท่าปูนแดง)
5.น้ำเปล่า 1 ลิตร
วิธีทำ
1. ผสมน้ำปูนใสกับเกลือให้เข้ากัน โดยผสมเกลือเท่ากับปูนแดง ขั้นตอนนี้อาจใช้น้ำอุ่นเพื่อช่วยลดเวลาในการละลายเกลือได้
2. ทำการปอกเปลือกมะม่วง แล้วนำไปล้างด้วยน้ำสะอาด ก่อนจะหั่นเป็นชิ้นๆตามขนาดที่ต้องการ
3. ทำน้ำเชื่อม โดยนำน้ำเปล่า 1ลิตร ผสมกับน้ำตาล 1/2กิโลกรัม ต้มจนน้ำตาลละลายหมด
ในขั้นตอนนี้ควรใช้ไฟกลาง (เพื่อไม่ให้ไหม้) เมื่อต้มเสร็จพักไว้ให้เย็น
4. ในขณะที่รอน้ำเชื่อมเย็น ให้ผสมน้ำปูนใสกับเกลือให้เข้ากัน
5. หลังผสมน้ำปูนใสกับเกลือเสร็จแล้ว นำมะม่วงดิบที่หั่นและล้างน้ำให้สะอาดแล้ว
นำไปแช่น้ำปูนใสที่เตรียมไว้ ประมาณ 1-3 ชั่วโมง ตามแต่ความต้องการ
6. เมื่อแช่ครบกำหนดเวลาตามต้องการแล้ว นำมะม่วงไปล้างน้ำสะอาด และผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
(*เคล็ดลับ: อย่าล้างน้ำจนมากเกินไป จะทำให้มะม่วงมีรสจืดลงได้)
7. หลังจากน้ำเชื่อมเย็นตัวแล้ว ให้นำมะม่วงจากขั้นตอนที่6ใส่ภาชนะที่มีฝาปิด และตามด้วยน้ำเชื่อม โดยให้น้ำเชื่อมพอท่วมมะม่วง ปิดภาชนะทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 1วัน
(*เคล็ดลับ: การแช่มะม่วงในน้ำเชื่อมควรนำใส่ตู้เย็น เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นและฟองขณะหมัก)
8. เมื่อผ่านไป 1วัน นำมะม่วงออกมาจากน้ำเชื่อม ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
9. ในขณะที่รอสะเด็ดน้ำ ให้นำน้ำเชื่อมเดิมตั้งไฟปานกลาง และใส่น้ำตาลเพิ่มประมาณ 200กรัม ต้มจนน้ำตาลละลาย แล้วนำน้ำเชื่อมพักไว้ให้เย็น
10. หลังจากน้ำเชื่อมเย็นตัวแล้ว ให้นำมะม่วงจากขั้นตอนที่6 เทใส่ภาชนะที่มีฝาปิด และตามด้วยน้ำเชื่อม โดยให้น้ำเชื่อมพอท่วมมะม่วง ปิดภาชนะทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 1วัน (ครั้งที่ 2)
(แหล่งข้อมูล http://www.vegetweb.com)

มะม่วงเชื่อมแบบแห้ง
ส่วนผสม
1. มะม่วงแก้วหรือมะม่วงแอบเปิ้ล 1 กิโลกรัม
2. ปูนแดง 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำตาลทราย 300-350 กรัม
4. เกลือป่นนิดหน่อย
วิธีทำ  มะม่วงเชื่อมแบบแห้ง
1. ปอกเปลือกมะม่วง ทำความสะอาด แล้วนำมาฝานเป็นแผ่นหนาพอสมควร จับเรียงซ้อนกันแล้ว ซอยเป็นเส้นๆ
2. นำไปแช่น้ำเปล่าที่ผสมปูนแดง แช่ไว้สักพัก 15-20 นาที แล้วนำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
3. ตั้งกระทะ เปิดไฟพออ่อน ใส่มะม่วงลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือป่น ใช้ไฟอ่อนถึงกลาง กวนจนน้ำตาลละลาย เหนียว รัดเนื้อมะม่วงจนสุกใส ทิ้งไว้ให้เย็นตักใส่ ภาชนะเก็บไว้รับประทาน
(แหล่งข้อมูล http://www.foodtravel.tv)
มะม่วงแช่อิ่มอบแห้ง
ส่วนผสม
1.น้ำตาลทรายขาว 375 กรัม
2.น้ำสะอาด 1 ลิตร
3.เนื้อมะม่วงดองเค็ม 1 กิโลกรัม
4.KMS 1 กรัม
5.กรดมะนาว (กรดซิตริค) 0.03 กรัม
6.น้ำปูนใส
วิธีทำ
1.นำมะม่วงที่ผ่านการดอง มาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น ให้สวยงาม
2.นำมาแช่น้ำเปล่า 30 นาที เพื่อล้างความเค็มออก
3.แช่น้ำปูนใส 2-3 ชั่วโมง ล้างน้ำ สะเด็ดน้ำออก
4.เติมสาร KMS 1 กรัม : น้ำ 1 ลิตร นาน 20 นาที สะเด็ดน้ำออก
5.เติมน้ำตาล 375 กรัม : กรดมะนาว (กรดซิตริค) 0.03 กรัม : มะม่วง 1 กิโลกรัม คลุกให้ทั่ว แช่ตู้เย็น 1 คืน (ให้ทดลองชิมรส สามารถลดหรือเพิ่มน้ำตาลตามชอบ)
หมายเหตุ
1.การอบแห้ง ต้องล้างน้ำอุ่น 70 องศาเซลเซียส นาน 30 วินาที
2.ผึ่งบนตะแกรง เข้าตู้อบ 80 องศาเซลเซียส นาน 2-3 ชั่วโมง
3.KMS = โปแตสเซียมเมตะไบซัลไฟด์ ช่วยให้เนื้อมะม่วงขาว
น้ำมะม่วงพร้อมดื่ม
ส่วนผสม
1.เนื้อมะม่วง 2 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 900 กรัม
3.เกลือ 25 กรัม
4.กรดมะนาว 18 กรัม
5.น้ำ 7 ลิตร

 

 

 

วิธีทำ
1.เลือกมะม่วงสุกจัด นำมาล้างให้สะอาด
2.ปอกเปลือกมะม่วงออก ฝานเอาแต่เนื้อใส่ภาชนะไว้
3.ปั่นเนื้อมะม่วงให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
4.ต้มเนื้อมะม่วงกับน้ำให้เดือด
5.เติมน้ำตาลทราย เกลือ กรดซิตริก คนให้เข้ากัน
6.บรรจุขณะร้อนในขวดที่ลวกฆ่าเชื้อแล้ว เว้นช่องว่างไว้เหนือน้ำมะม่วง 1 นิ้ว ปิดจุกทันทีให้แน่น
7.นำไปต้มฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส นาน 3 นาที
8.นำขวดที่บรรจุน้ำมะม่วงไปแช่เย็น พร้อมที่จะดื่มได้ ควรเขย่าขวดก่อนดื่ม

มะม่วงกวน
ส่วนผสม
1.เนื้อมะม่วง 6 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 500 กรัม
3.เกลือป่น 100 กรัม
4.แป้งข้าวเหนียว 250 กรัม
5.แป้งมัน 50 กรัม
6.น้ำหัวกะทิ 1 กิโลกรัม
วิธีทำ
1.ปอกเปลือกมะม่วงออก ฝานเอาแต่เนื้อใส่ภาชนะไว้
2.ปั่นเนื้อมะม่วงให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
3.คั้นกะทิ ผสมลงกับเนื้อมะม่วง
4.กวนส่วนผสมโดยใช้ไฟอ่อนๆ จนกระทั่งเริ่มมีกลิ่นหอม เติมส่วนผสมที่เหลือลงไป กวนให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
5.กวนต่อจนเนื้อมะม่วงเริ่มงวด ปั้นไม่เหนี่ยวติดมือ
6.ทิ้งไว้ให้เย็น ปั้นเป็นแท่ง ห่อด้วยพลาสติกใส
(แหล่งข้อมูล http://www.doa.go.th)

ซอสมะม่วง (รับประทานกับไก่ย่าง)
ส่วนผสม
1.เนื้อมะม่วงสุกหั่นเต๋า
2.นมสด
3.เกลือป่น
4.มะนาว 2 กลีบ
วิธีทำ
ทำซอสมะม่วงโดยใส่ มะม่วงสุก นมสด และเกลือป่นลงในเครื่องปั่น บีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นส่วนผสมให้เนียนละเอียด ราดบนเนื้อไก่ย่าง
ซัลซ่ามะม่วง (รับประทานกับไก่ย่าง)
ส่วนผสม
1.เนื้อมะม่วง
2.ผักชีซอย
3.มะเขือเทศ (เอาเม็ดออก) หั่นเต๋า
4.มะนาว 2-3 กลีบ
5.น้ำตาลทรายเล็กน้อย
6.เกลือป่น 1 ช้อนชา
7.พริกไทยดำบด
วิธีทำ
ทำซัลซามะม่วงโดยผสมเนื้อมะม่วง ผักชีซอย และมะเขือเทศลงในอ่างผสม ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำตาลทราย เกลือป่น และพริกไทย คนผสมให้เข้ากัน โปะบนเนื้อไก่ พร้อมเสิร์ฟ

ข้าวเหนียวมะม่วง
ส่วนผสมข้าวเหนียวมูน
1. ข้าวเหนียวขาว 500 กรัม
2. สารส้มโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
3. น้ำเปล่า (สำหรับแช่ข้าวเหนียว)
4. ใบเตยฉีกแล้วมัดประมาณ 10 ใบ
5. หัวกะทิคั้นสด 350 มิลลิลิตร
6. น้ำตาลทราย 200 กรัม
7. เกลือป่น 2 ช้อนชา

 

ส่วนผสมข้าวเหนียวมะม่วง
1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
2. ข้าวเหนียวมูน
3. กะทิ (สำหรับราด)
4. ถั่วเขียวซีกคั่ว
วิธีทำ  ข้าวเหนียวมูน
1. ซาวข้าวเหนียวจนสะอาด ใส่สารส้มลงไป เติมน้ำเปล่าลงไปจนท่วมข้าวเหนียว จากนั้นคนผสมจนเข้ากัน แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
2. ล้างข้าวเหนียวที่แช่กับสารส้มไว้จนสะอาด สะเด็ดน้ำแล้วพักไว้สักครู่
3. เทข้าวเหนียวลงในหวดนึ่งข้าว ใส่ใบเตยลงไป นำหวดไปวางลงในน้ำเดือด นึ่งนานประมาณ 20 นาที จนข้าวเหนียวสุก
4. ผสมหัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือป่นในอ่างผสมคนจะเข้ากัน เทข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วลงไป คนผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้ 30 นาที จนข้าวเหนียวระอุ ตักใส่จานเสิร์ฟคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้สุก ราดกะทิ และโรยถั่วเขียวซีกคั่ว

เครปข้าวเหนียวมะม่วง
ส่วนผสม
1. แป้งเค้ก 80 กรัม
2. นมสด 250 กรัม
3. เนยสดชนิดเค็ม 50 กรัม
4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
5. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
6. น้ำใบเตย 2 ช้อนโต๊ะ
7. สีผสมอาหารสีเขียวเล็กน้อย
8. มะม่วงสุกหั่นเต๋า100 กรัม
9. ข้าวเหนียวมูน 150 กรัม
10. เนยสดชนิดเค็ม (สำหรับทากระทะ)
ส่วนผสมซอสกะทิวานิลลา
1. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
3. เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
4. หัวกะทิ 250 กรัม
5. วานิลลาขูดเนื้อ 1/2 ฝัก
วิธีทำ   เครปข้าวเหนียวมะม่วง
1. ร่อนแป้งเค้กลงในอ่างผสม พักไว้
2. นำนมสดและเนยสดใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ คนจนเนยสดละลายและส่วนผสมร้อนยกลง พักไว้ให้คลายความร้อน
3. ตีไข่ไก่ด้วยตะกร้อมือพอแตก ค่อย ๆ เทส่วนผสมนมลงไปผสม คนพอเข้ากัน
4. ใส่กลิ่นวานิลลา น้ำใบเตย และสีผสมอาหารสีเขียว คนให้เข้ากันอีกครั้ง
5. ใส่แป้งเค้กลงไปผสมคนให้เข้ากัน กรองด้วยกระชอนแล้วพักไว้ประมาณ 15 นาที
6. ตั้งกระทะเทฟลอนโดยใช้ไฟอ่อน ทาเนยสดบาง ๆ พอทั่ว พอกระทะร้อนตักส่วนผสมแป้งเครปใส่ลงในกระทะ กลอกแป้งให้เป็นแผ่นกลมบาง ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว ทอดจนแป้งสุก ตักขึ้น เตรียมไว้
7. วางแป้งเครปลงบนภาชนะเรียบ ตักมะม่วงสุกและข้าวเหนียวมูนวางลงตรงกลาง ห่อแป้งให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม จัดใส่จานราดด้วยซอสกะทิวานิลลา จัดเสิร์ฟ
วิธีทำ  ซอสกะทิวานิลลา
1. ใส่แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงในภาชนะ คนพอเข้ากัน
2. ใส่หัวกะทิและกลิ่นวานิลลาลงคนผสมพอเข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟ คนจนส่วนผสมสุกมีลักษณะข้นเป็นซอส ยกลงกรองด้วยกระชอน พักไว้ให้เย็นสนิท เตรียมไว้ราดเครปที่ทำเสร็จแล้ว

รูปภาพจากเพจ : MAI YOM AUON

พุดดิ้งมะม่วง (สูตรไมโครเวฟ)
ส่วนผสม พุดดิ้งมะม่วง
1. เจลาตินชนิดแผ่น 2 แผ่น
2. น้ำเย็นจัด (สำหรับแช่เจลาติน)
3. นมสด 25 กรัม
4. น้ำตาลทราย 25 กรัม
5. เนื้อมะม่วงสุกบดละเอียด 100 กรัม
6. วิปครีมชนิดจืด 50 กรัม
7. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 25 กรัม
8. เนื้อมะม่วงสุกหั่นเต๋า
ส่วนผสม ซอสมะม่วง
1. เนื้อมะม่วงสุกหั่นชิ้น 75 กรัม
2. น้ำตาลไอซิ่ง 1/2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ  พุดดิ้งมะม่วง
1.แช่เจลาตินในน้ำเย็นจัดจนนุ่ม เตรียมไว้
2. ใส่นมสดและน้ำตาลทรายในถ้วยกระเบื้อง นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1-2 นาที นำออกจากเตา ใส่เจลาตินที่นุ่มแล้วลงไปคนผสมให้ละลายเข้ากันดี
3. ผสมเนื้อมะม่วงบดละเอียดกับวิปปิ้งครีมและโยเกิร์ตเข้าด้วยกัน เติมลงในส่วนผสมเจลาตินเมื่อครู่ คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เทใส่ถ้วยแล้วนำไปแช่เย็นจนพุดดิ้งเซตตัว
4. ทำซอสมะม่วงโดยนำเนื้อมะม่วง น้ำตาลไอซิ่ง และน้ำมะนาวใส่ลงเครื่องปั่น จากนั้นปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำเข้าแช่เย็น เตรียมไว้
5. ก่อนเสิร์ฟตักซอสมะม่วงใส่ลงในถ้วยพุดดิ้ง แต่งด้วยมะม่วงสุกหั่นเต๋า
พายมะม่วง
ส่วนผสม ฐานพาย
1. ขนมปังกรอบ หรือคุกกี้เนย (บดละเอียด) 200 กรัม
2. เนยสดชนิดเค็ม 100 กรัม
3. น้ำตาลทรายป่น 30 กรัม
4. พิมพ์ถอดข้าง, พิมพ์ฟอยล์ หรือพิมพ์กระดาษจีบ
ส่วนผสม ครีมชีสมะม่วง
1. เจลาตินชนิดแผ่นเล็ก 5 แผ่น (หรือเจลาตินชนิดผง 1 ช้อนโต๊ะ)
2. ครีมชีส 250 กรัม
3. น้ำตาลทรายชนิดละเอียด 120 กรัม (สูตรนี้มะม่วงหวานมากเราลดน้ำตาลลงเหลือ 100 กรัม)
4. ครีมข้น (หรือวิปปิ้งครีม) 120 กรัม
5. น้ำมะนาวเหลือง (หรือน้ำเลมอน) 1 ช้อนโต๊ะ
6. มะม่วงสุก (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ) 200 กรัม
7. มะม่วงสุก (หั่นเต๋า) 100 กรัม
วิธีทำ  ฐานพาย
ผสมคุกกี้บด เนยสด และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน จากนั้นกรุลงในพิมพ์ แช่ตู้เย็นจนเซตตัว เตรียมไว้
วิธีทำ  ครีมชีสมะม่วง
1. ทำครีมชีสโดยแช่เจลาตินแผ่นในน้ำเย็นประมาณ 10 นาที (เพื่อให้เจลาตินอุ้มน้ำ) ก่อนนำไปใส่ในครีมชีส ให้นำไปละลายในไมโครเวฟ 10 วินาที
2. ตีผสมครีมชีสกับน้ำตาลทรายในโถผสมให้เนียนเข้ากันดี แล้วใส่ครีมข้น บีบน้ำมะนาวเหลืองลงไป                  3. ใส่เนื้อมะม่วง (1) ตีผสมให้เนื้อเนียนเข้ากัน ใส่เจลาตินละลายคนผสมให้เข้ากัน (อย่าลืมปาดก้นอ่างขึ้นมาด้วย)
4. ใส่เนื้อมะม่วง (2) ลงไป (ตรงนี้ไม่ต้องใช้เครื่องตีแล้ว) ให้ใช้พายยางคนผสมเนื้อมะม่วงกับครีมชีสให้เข้ากันดี
5. นำฐานพายที่เซตตัวแล้วออกจากตู้เย็น ตักครีมชีสมะม่วงใส่ลงไป (มากน้อยขึ้นอยู่กับระดับของถ้วย)
6. ตกแต่งให้สวยงาม (เลือกแบบที่คุณชอบ จะใส่เนื้อมะม่วง ใส่ซอสมะม่วง หรือบีบวิปปิ้งครีม บางครั้งบ่งบ๊งราดด้วยกะทิข้น ๆ อร่อยไปอีกแบบ)

ไอศกรีมมะม่วง
ส่วนผสม
1. เนื้อมะม่วงสุก (ปั่นละเอียดจนเป็นเนื้อครีม) 2 ถ้วย
2. นมข้นหวาน 1 ถ้วย
3. เฮฟวีครีม (แช่เย็นจัด) 1 ถ้วย
4. ข้าวเหนียวมูน (สำหรับเสิร์ฟ)
5. เนื้อมะม่วงสุกหั่นเต๋า (สำหรับเสิร์ฟ)
วิธีทำ
1. นำอ่างผสมสแตนเลสพร้อมหัวตีตะกร้อไปแช่ในช่องฟรีซนาน 30 นาที พอครบเวลาใส่เฮฟวีครีมที่แช่เย็นจัดแล้วลงไปตีด้วยความเร็วปานกลางจนตั้งยอด อ่อน
2. ใส่นมข้นหวานลงไป ตีต่อด้วยความเร็วกลาง-สูงจนตั้งยอดเกือบแข็ง
3. ใส่เนื้อมะม่วงสุกปั่นละเอียดลงไปตะล่อมด้วยพายยางให้พอเข้ากัน (ระวังอย่าคนผสมแรงจนเกินไปเพราะจะทำให้อากาศที่อยู่ในครีมยุบตัวลง)
4. เทส่วนผสมใส่เครื่องทำไอศกรีม (เครื่องทำไอศกรีมแต่ละเครื่องมีวิธีการใช้ไม่เหมือนกัน ควรศึกษาก่อนใช้) ในสูตรนี้ก่อนใช้เครื่องให้นำตัวโถไอศกรีมเข้าไปแช่ในช่องฟรีซประมาณ 24 ชั่วโมง และอุ่นเครื่องทำไอศกรีมก่อนใช้ประมาณ 30 นาที)
หมายเหตุ : สำหรับคนที่ไม่มีเครื่องทำไอศกรีมให้ใส่ส่วนผสมลงในกล่องพลาสติก ปิดฝาแล้วนำไปใส่ช่องแช่แข็ง พอครบ 1 ชั่วโมง ให้นำออกมาตีให้เข้ากัน ทำซ้ำอย่างนี้ประมาณ 5-6 ครั้ง
5. เปิดเครื่อง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังจากเวลาแล้วเทส่วนผสมใส่ลงกล่องพลาสติกแล้วนำไปแช่ช่องฟรีซประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อให้ไอศกรีมเซตตัวก่อนรับประทาน หรือสามารถตักเสิร์ฟได้ทันทีหลังจากปั่นเสร็จ ได้เป็นไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟเนื้อเนียน หรือนำไอศกรีมมะม่วงที่เซตตัวแล้วออกมาตักเป็นก้อนกลม จัดใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวมูนและเนื้อมะม่วงสุกหั่นเต๋า

น้ำมะม่วงข้าวกล้องงอก
ส่วนผสม
1. ข้าวกล้องขาวข้าวใหม่ (ดอกมะลิ 105 หรือปทุมธานี 1) 500 กรัม
2. น้ำสะอาด
3. ใบเตย 2-3 ใบ
4. มะม่วงสุกปั่น (เลือกหวาน ๆ) 1 ลูก
5. ใบสะระแหน่ (ตกแต่ง)
วิธีทำ
1. นำข้าวกล้องมาล้างทำความสะอาด เติมน้ำให้ท่วมข้าว แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 ชั่วโมง เทน้ำออกแล้วนำไปห่อด้วยผ้าขาวบาง
2. ใส่กล่องทิ้งไว้อีกประมาณ 10-24 ชั่วโมง
3. เมล็ดข้าวจะงอกออกมาเป็นตุ่มเล็ก ๆ (ได้ข้าวกล้องงอก) ที่มีสารกาบา จึงนำมาผสมกับน้ำประมาณ 1 ลิตร ปั่นให้ละเอียด นำไปกรองเอาแต่น้ำ จากนั้นจึงนำไปต้มกับใบเตยจนเดือด
4. พักไว้ให้อุ่น ๆ นำมาผสมกับน้ำมะม่วงในปริมาณตามต้องการดื่มทันที ถ้าต้องการเพิ่มความหวานสามารถเติมน้ำเชื่อมได้ตามชอบ แต่งหน้าด้วยใบสะระแหน่
น้ำหมักผลไม้ใส่มะม่วงสุก
ส่วนผสม
1. มะม่วงสุก (หั่นเต๋าเล็กแช่แข็ง) 1 ถ้วยตวง
2. มิกซ์เบอร์รี (แช่แข็ง) 1/2 ถ้วยตวง
3. เลมอน (สไลซ์) 1 ผล
4. น้ำแร่ 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. นำมะม่วงสุก มิกซ์เบอร์รี และเลมอนใส่ในกระบอกแก้วหรือขวดโหล ใช้ช้อนกดผลไม้ให้พอมีน้ำซึมออกมา
2. ใส่น้ำแร่ลงไปจนเต็มปิดฝาให้แน่น นำเข้าตู้เย็นทิ้งไว้ 1 คืน ใช้ดื่มในช่วงเช้าหรือระหว่างวัน
มะม่วงโยเกิร์ตสมูทตี้ (ช่วยลดน้ำหนัก)
ส่วนผสม
1. เนื้อมะม่วงสุก (หั่นเป็นชิ้น) 100 กรัม
2. น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำผึ้ง (หรือปริมาณตามชอบ) 2 ช้อนโต๊ะ
4. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 50 กรัม
5. น้ำแข็งบด (ปริมาณตามขนาดแก้ว)
6. เนื้อมะม่วง และใบสะระแหน่ (สำหรับแต่ง)
วิธีทำ
1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นจนเนื้อสมูทตี้ละเอียดและเนียน
2. เทใส่แก้วที่เตรียมไว้ แต่งด้วยเนื้อมะม่วง และใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ
มะม่วงดอกกุหลาบ
• ใช้มะม่วงสุก
วิธีทำ
1. มะม่วงสุกที่นำมาใช้นั้น ควรเลือกมะม่วงที่ไม่สุกงอมจนเกินไป ปอกเปลือกมะม่วงให้ลึกลงไปถึงเนื้อ อย่าให้เหลือเปลือกติดอยู่ที่ผิวมะม่วง เพราะจะทำให้มะม่วงดำ
2. สไลซ์เนื้อมะม่วงเป็นชิ้นบาง ๆ
3. การวางเรียงกลีบดอกไม้ ควรเริ่มจากการใช้มะม่วงชิ้นที่เล็กที่สุดก่อน คือ ส่วนหัวและส่วนปลายของมะม่วง เพื่อใช้แทนเป็นกลีบดอกไม้กลีบเล็กสุด แล้วเรียงตามลำดับชิ้นใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนครบ ควรจัดวางกลีบมะม่วงในภาชนะที่ต้องการเสิร์ฟเลย เพราะถ้าจัดเสร็จแล้วมีการเคลื่อนย้าย อาจจะทำให้เสียรูปทรงได้
(แหล่งข้อมูล https://cooking.kapook.com)

เยลลี่มะม่วง
ส่วนผสม
สำหรับ 6-8 แก้วเล็ก
1.น้ำมะม่วง 500 กรัม (มะม่วงสุก 1 ลูก ปั่นกับน้ำต้มสุก 300 กรัม)
2.มะม่วงสุกหั่นเป็นเต๋า 1/2 ลูก
3.น้ำมะนาว 1 กรัม
4.แผ่นเจลาติน 4 แผ่น
5.น้ำตาลทราย 30 กรัม
วิธีทำ
1. นำแผ่นเจลาตินลงไปแช่ในน้ำเย็น ควรแช่ที่ละแผ่นเพื่อไม่ให้เจลาตินจับตัวติดกัน
2.นำมะม่วงไปปั่นกับน้ำต้มสุก นำน้ำมะม่วงที่ปั่นจนละเอียดแล้วเทใส่หม้อและใส่น้ำตาลลงไปและเปิดไฟให้พอร้อน ใส่แผ่นเจลาตินที่แช่จนนิ่มบีบน้ำออกให้หมดเสียก่อน ใส่ลงไปในหม้อแล้วคนให้ละลายเข้ากัน ปิดไฟยกลงจากเตา
3.ใส่มะนาวลงในหม้อ(ขั้นตอนการใส่มะนาวควรใส่ตอนที่ตัวมะม่วงลงจากเตาแล้วเพื่อไม่ให้มะนาวขม)
4.มะม่วงที่หั่นเตาเตรียมไว้ ใส่ลงไปในชามหรือแก้วที่ต้องการ แล้วเทตัวเยลลี่มะม่วงที่ทำไว้รอให้เย็น แล้วนำไปเข้าตู้เย็นให้เยลลี่เซ็ทตัว ประมาณ 10 นาทีก็ได้ทานแล้ว

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : คลิ๊กที่นี่
(แหล่งข้อมูล https://food.mthai.com)

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *